3. สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมเซนต์รับรองเอกสาร บัตรประชาชนจะต้องมีอายุการใช้งานเหลืออยู่ (กรณีเด็กต่ำกว่า 20ปีบริบูรณ์ต้องแนบสูติบัตรมา)
- สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีผู้หญิง.....หากมีการเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น ...นาง... ต้องแนบมา)
- สำเนาทะเบียนหย่า (กรณีผู้หญิง.....ถ้าหย่าและหากมีการใช้คำนำหน้าเป็น ....นาง...ต้องแนบมา)
5.เอกสารรับรองการทำงาน โดยระบุชื่อบริษัท ตำแหน่งงาน ระยะเวลาที่เป็นพนักงาน และรายได้ต่อเดือน พร้อมระบุวันที่เดินทาง
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของกิจการ : ใช้หนังสือจดทะเบียนบริษัทฯ ที่มีรายชื่อผู้ประกอบกิจการ (มีอายุไม่เกิน 3 เดือน)
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของร้านค้า : ใช้ทะเบียนพาณิชย์ที่มีชื่อผู้เป็นเจ้าของร้านค้า
- กรณีพนักงานบริษัท : ใช้จดหมายรับรองการทำงานจากนายจ้าง ระบุตำแหน่ง ระยะเวลาการว่าจ้าง เงินเดือน (มีอายุไม่เกิน 1 เดือน)
- กรณีที่เป็นข้าราชการ : ใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงาน
- กรณีเกษียณอายุราชการ: ถ่ายสำเนาบัตรข้าราชการบำนาญ
- กรณีเป็นนักเรียนนักศึกษา : ต้องมีหนังสือรับรองจากสถาบันศึกษา นั้นว่ากำลังศึกษาอยู่ ระบุชั้นปีที่ศึกษา (มีอายุไม่เกิน 1 เดือน)
6. เอกสารรับรองทางการเงิน สำเนาบัญชีเงินฝากเข้าออก (Statement) ย้อนหลังไป 3-6 เดือน (แล้วแต่ทางสถานทูตต้องการ) บัญชีนี้ควรจะมีเงินหมุนเวียนเข้าออกตลอด ทั้งยอดเงินฝาก และเงินถอนออก ยอดรวมในบัญชีทางสถานทูตจะกำหนดว่าควรมีไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ ถ้ารู้ว่าจะเดินทางเมื่อไหร่ แนะนำว่าควรเริ่มบริหาร Statement ให้ดูสวยงาม และต้องมีการเดินบัญชี 15วัน ก่อนวันยื่นวีซ่า พร้อมประทับตราจากธนาคาร
**โดยปกตสถานทูตจะพิจารณาบัญชีออมทรัพย์ (Saving account) เป็นอันดับแรก แต่ถ้าต้องการใช้บัญชีฝากประจำ (Fixed) ต้องสอบถามข้อมูลจากทางสถานฑูตที่ใช้ยื่นวีซ่าก่อนเท่านั้นเพื่อความถูกต้อง**
หมายเหตุ : หากต้องการรับรองการเงินให้คนภายในครอบครัว ต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Guarantee) ต้องระบุชื่อเจ้าของบัญชี รับรองค่าใช้จ่ายให้ใคร (ต้องระบุชื่อผู้ถูกรับรองในจดหมายด้วย) และแนบ สเตทเมนท์ (Bank Statement) มาด้วย
**กรุณาแนบสูติบัตร, ทะเบียนบ้าน, ทะเบียนสมรส หรือหลักฐาน เพื่อแสดงสถานะ และความสัมพันธ์ว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน**

7. ประกันการเดินทาง ต้องระบุประเทศให้ครอบคลุมทั้งหมด รวมไปถึงระยะเวลาตั้งแต่วันบินไป–กลับ และต้องมีวงเงินประกันที่คุ้มครองทั้งค่าพยาบาลหรือประกันอื่นๆ ไม่น้อยไปกว่า 1,500,000 บาท หรือ 30,000 ยูโร ท่านสามารถตรวจสอบกับบริษัทประกันได้ว่า บริษัทที่ท่านติดต่อด้วยนั้นได้รับการรับรองจากทางสถานทูตให้ใช้ประกอบการยื่นวีซ่าเชงเก้น (ถ้าเดินทางกับทัวร์ทางบริษัทจะเตรียมการให้ในส่วนนี้)
8. บัตรโดยสารเครื่องบิน หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินที่กำหนดวันเดินทางเข้าและออกจากประเทศในกลุ่มที่ต้องใช้วีซ่าเชงเก้นอย่างชัดเจน (ถ้าเดินทางกับทัวร์ทางบริษัทจะเตรียมการให้ในส่วนนี้)
9.ใบจองที่พัก หลักฐานการจองโรงแรมที่พักในประเทศที่ท่านต้องการเดินทางไปพร้อมระบุวันที่เดินทางเข้าและออกอย่างชัดเจน (ถ้าเดินทางกับทัวร์ทางบริษัทจะเตรียมการให้ในส่วนนี้)
10.แผนการเดินทางภาษาอังกฤษฉบับย่อ (ในกรณีที่ทางสถานทูตต้องการ)
การขอวีซ่าเชงเก้น
- จองคิวนัดหมายกับสถานทูต (ถ้ามี) หรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า ซึ่งตัวแทนทั้งหมดจะใช้วิธีการจองคิวนัดหมายผ่านระบบออนไลน์ วีซ่าเชงเก้นสามารถยื่นคำร้องขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนการเดินทาง (ในกรณีเดินทางกับทัวร์ทางบริษัทจะจัดการเรื่องจองคิงและนัดคิวกับทางสถานฑูตให้ลูกค้า)
- ผู้เดินทางมีความจำเป็นที่จะต้องมายื่นคำร้องขอวีซ่าด้วยตนเองเท่านั้น เนื่องจากประเทศในกลุ่มโซนเชงเก้นมีการใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อใช้ในการจำแนกคุณลักษณะรายบุคคลในระบบการทำวีซ่า ผู้สมัครจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสแกนลายนิ้วมือ เพื่อระบุลายนิ้วมือของผู้สมัครทั้ง 10 นิ้ว เพื่อเก็บเป็นข้อมูล
- สำหรับการยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นนั้นอาจมีการเรียกสัมภาษณ์คุณด้วย แต่โดยส่วนใหญ่การยื่นคำร้องกับศูนย์รับคำร้องขอวีซ่านั้นจะไม่มีการสัมภาษณ์ ทั้งนี้สถานทูตอาจจะเรียกสัมภาษณ์คุณในระหว่างการพิจารณา ดังนั้นเตรียมตัวไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
- โดยปกติแล้วจะทราบผลภายใน 15 วันทำการนับตั้งแต่วันยื่นเอกสาร และสามารถรับเอกสารและหนังสือเดินทางคืนหลังรับทราบผลแล้วได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า หรือบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ (ในกรณีเดินทางกับทัวร์ทางบริษัทจะแจ้งผลและส่งคืนเอกสารให้กับลูกค้าโดยตรง)
หมายเหตุ : 1. การตัดสินของสถานฑูตจะอยู่บนพื้นฐานของคำร้อง เอกสารสนันสนุน และการสัมภาษณ์ ถ้าโดนปฎิเสธวีซ่า ทางผู้จัดทำจะไม่สามารถคืนค่าธรรมเนียมได้
2. สถานทูตในแต่ละประเทศจะมีค่าธรรมเนียมสำหรับการขอวีซ่าไม่เท่ากัน กรุณาสอบถามข้อมูลโดยตรงก่อนเพื่อความถูกต้อง