อีสเตอร์หรรษา
.jpg)
อีสเตอร์หรรษา
Easter Day เป็นวันหนึ่งที่มีการเฉลิมฉลองของชาวคริสเตียนมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นวันที่ได้ไว้อาลัยการฟื้นพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์จากความตาย ซึ่งถูกเขียนไว้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลคริสเตียน
ชาวคริสเตียนทั้งหลายทั่วโลกจะเฉลิมฉลองอีสเตอร์โดยมีพิธีกรรมในโบสถ์ ดนตรี แสงเทียน ดอกไม้และเสียงของระฆังในโบสถ์ ขบวนอีสเตอร์ถูกจัดขึ้นในบางประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์และสเปน ชาวคริสเตียนมากมายเห็นว่าอีสเตอร์เป็นเหมือนงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปี มันเป็นวันแห่งความสนุกสนานร่าเริงและเป็นวันเฉลิมฉลองให้กับการฟื้นพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ ตามความเชื่อของชาวคริสเตียน
ตัวเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ในประเทศอิตาลีได้มีละครอันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับเรื่องราวของอีสเตอร์ ซึ่งถูกจัดอยู่บนลาน ได้มีการทำขนมอบที่เรียกกันว่า corona di nove ขึ้นเป็นรูปมงกุฏ อาหารอื่นๆ ตามธรรมเนียม คือ เนื้อแกะ เนื้อแพะ อีสเตอร์ในประเทศโปแลนด์จะเฉลิมฉลองโดยการทานอาหารกับครอบครัว เช่น แฮม ไส้กรอก สลัด babka และ mazurka หรือเค้กอันแสนหวานโรยถั่ว ผลไม้และน้ำผึ้ง
ถึงแม้ว่าอีสเตอร์ยังคงรักษาความสำคัญทางด้านศาสนาที่สำคัญไว้ได้ แต่เด็กๆ ในประเทศออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร คิดว่ามันเป็นช่วงเวลาแห่งการได้เสื้อผ้าใหม่ตามฤดูใบไม้ผลิ ได้ตกแต่งไข่และเข้าร่วมการตามล่าไข่อีสเตอร์ซึ่งถูกซ่อนโดย อีสเตอร์บันนี่ (กระต่ายอีสเตอร์) นั่นเอง เด็กบางคนจะได้ตระกร้าที่เต็มไปด้วยลูกอม ขนมและของขวัญในช่วงเวลานี้ของปี
Easter Sunday ตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งไม่ใช่วันทำงานในประเทศ ออสเตรเลีย แคนาดา สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา หน่วยงานราชการและโรงเรียนจะปิดทำการในประเทศที่วันอาทิตย์ไม่ใช่วันทำงาน และกิจกรรมทางธุรกิจจะหยุดลง ชาวคริสเตียนทั้งหลายจะเฉลิมฉลอง Easter Sunday เหมือนกับเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ฟื้นพระชนม์ชีพขึ้น ซึ่งถูกเขียนลงใน New Testament เล่มใหม่ของคัมภีร์ไบเบิ้ล ตามที่ Gospel of John ใน New Testament, Mary Magdalene ได้มาที่หลุมฝังศพของพระเยซูที่ถูกเผาและพบว่ามันว่างเปล่าและนางฟ้าได้บอกเธอว่าพระเยซูได้ฟื้นพระชนม์ชีพขึ้น ชาวคริสเตียนทั่วโลกได้เฉลิมฉลองอีสเตอร์มาเป็นศตวรรษ
อย่างไรก็ตาม รากฐานของประเพณีของวันหยุดอีสเตอร์และกิจกรรมต่างๆ สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงการฉลองของคนนอกศาสนา ชื่ออีสเตอร์เชื่อว่ามาจาก Eostara เทพีแห่งการเกิดใหม่ ในช่วงแรกๆ งานฉลองของ Eostara ฉลองให้กับการฟื้นคืนชีพและการเกิดใหม่ของโลก คนที่เคร่งครัดในเรื่องของศาสนามากจะไม่ทำอะไรในวันอีสเตอร์ มันเป็นเพียงแค่บางคนเท่านั้น ในอดีต Charles I กษัตริย์ของประเทศอังกฤษ ได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันแห่งพระคัมภีร์ในวันอาทิตย์ ปี 1647 แต่ทางรัฐสภาก็ได้โต้แย้งเขาในเรื่องนี้และได้ยกเลิกมันกับเทศกาลอื่นๆ
Easter Monday เดิมถูกเรียกว่าเป็นวันแห่งความโชคร้ายและเป็นที่รู้จักกันในนามว่า Black Monday (White Monday ที่ประเทศกรีซ) หลายพื้นที่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้ทำให้มีการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตในระหว่างการเดินทางของกองทัพ แต่วันจันทร์มันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นวันแห่งความโชคร้าย ซึ่งหมายถึงการกลับเรียนหลังจากวันหยุด สำหรับเด็กนักเรียนจำนวนมาก Easter ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวัน Bloody Monday
Easter Monday เป็น วันหยุดของหลายประเทศทั่วโลก เช่น
หญิงสาวชาวอังกฤษในช่วงยุคกลางจะได้รับอนุญาตให้ออกเรือนกับชายที่ตนได้พบเจอในที่แห่งนั้น แม้ว่ากษัตริย์ Edward I และ Edward II จะผ่านประเพณีนี้มาแล้ว เป็นประเพณีแบบดั้งเดิมสำหรับชายที่ต้องยกหญิงสาวสามครั้งด้วยแขนและขาในภาคเหนือของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ที่หญิงสาวจะกลับมาทำหน้าที่ในวันถัดไป วัน Easter Monday เป็นที่รู้จักกันในเป็นวัน Easter Egg Bundle หรือวันแห่งการเฉลิมฉลองในประเทศไอร์แลนด์
สำหรับคนที่มีความเชื่อแบบคริสเตียน ไม้กางเขนที่พระเยซูถูกตรึงและได้ฟื้นคืนชีพนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของช่วงเทศกาล Easter สัญลักษณ์อื่นๆของวัน Easter รวมถึงไข่จริงหรือไข่ที่ผลิตขึ้นวัสดุ, รังนก, ลูกแกะ, และกระต่าย บางครั้งสัญลักษณ์เหล่านี้จะอยู่รวมกัน ยกตัวอย่างเช่นในรูปแบบลูกอมของกระต่ายที่มีไข่อยู่เต็มรังนก ไข่, กระต่าย, และสัตว์ตัวเล็กๆ แสดงออกถึงการเป็นตัวแทนของการเกิดใหม่และการกลับสู่ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในฤดูใบไม้ผลิ
คำเตือน อย่ามัวแต่เพลิดเพลินในวันหยุดจนลืมทำการบ้านกันนะเด็ก ๆ